กรมอุตุฯเตือน 9 จังหวัดภาคใต้ ฝนตกหนัก ทั่วไทยอากาศเย็นลงอุณหภูมิลด ส่วน ปภ.สรุปน้ำท่วม-วาตภัย 8 จังหวัด กระทบ 15,696 ครัวเรือน พัทลุงอ่วม 9 อำเภอ จมน้ำ ปัตตานีฝนถล่ม สั่งปิดรร.เร่งอพยพชาวบ้าน ขณะที่นราธิวาสอพยพชาวบ้านหนีน้ำป่า ตรังท่วมหนัก 4 อำเภอ เคลื่อนย้ายผู้ป่วยติดเตียงหนีน้ำ
เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2565 น.ส.ชมภารีชมภูรัตน์ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศฉบับที่ 10 เรื่อง อากาศหนาวเย็นบริเวณประเทศไทยตอนบนและคลื่นลมแรงบริเวณอ่าวไทย (มีผลกระทบตั้งแต่วันที่ 19-20 ธันวาคม 2565) ว่าช่วงวันที่ 19-20 ธันวาคม 2565 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังแรงจากประเทศจีนได้แผ่เสริมลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอากาศเย็นถึงหนาว และอุณหภูมิจะลดลงกับมีลมแรง โดยภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อุณหภูมิจะลดลงอีก 2-4 องศาเซลเซียส พื้นราบอุณหภูมิต่ำสุด 9-19 องศาฯ ส่วนยอดดอยและยอดภูมีอากาศหนาวถึงหนาวจัดและมีน้ำค้างแข็งบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 2-12 องศาฯ
สำหรับภาคกลาง ภาคตะวันออกรวมทั้งกทม.และปริมณฑล อุณหภูมิจะลดลงอีก 1-2 องศาฯ อุณหภูมิต่ำสุด 15-21 องศาฯ ขอให้ประชาชนดูแลสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นลง รวมถึงระวังอันตรายจากอัคคีภัยที่อาจเกิดขึ้นเนื่องจากอากาศแห้งและลมแรง
ส่วนมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังแรง ทำให้ภาคใต้ตอนล่างมีฝนตกหนักถึงหนักมากขอให้ประชาชนบริเวณภาคใต้ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม
จังหวัดที่คาดว่าจะมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ดังนี้ วันที่ 19 ธันวาคม 2565 ภาคใต้ จ.นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส กระบี่ ตรัง และสตูล คลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและอันดามันมีกำลังแรง โดยห่างฝั่งมีคลื่นสูง 2-4 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 4 เมตร ขอให้ประชาชนบริเวณชายฝั่งภาคใต้ฝั่งตะวันออกระวังอันตรายจากคลื่นที่ซัดเข้าหาฝั่ง ชาวเรือบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งจนถึงวันที่ 20 ธันวาคม 2565
ด้านกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.)ในฐานะกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.)รายงานสถานการณ์มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังแรง ทำให้ภาคใต้ตอนล่างมีฝนตกหนักถึงหนักมาก ระหว่างวันที่17-20ธันวาคม 2565 ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินสไลด์ และลมกระโชกแรง
ทั้งนี้ แบ่งเป็นสถานการณ์อุทกภัย เกิดขึ้นในพื้นที่ 5 จังหวัดได้แก่ นครศรีธรรมราช สงขลา นราธิวาส ยะลา และพัทลุง รวม 23 อำเภอ 68 ตำบล 285 หมู่บ้าน บ้านเรือนได้รับผลกระทบ 15,619 ครัวเรือนส่วนสถานการณ์วาตภัย เกิดขึ้นในพื้นที่ 5 จังหวัด ได้แก่ อำนาจเจริญ จันทบุรี ปัตตานี นครศรีธรรมราช และสงขลา รวม 11 อำเภอ 16 ตำบล 20 หมู่บ้าน บ้านเรือนได้รับผลกระทบ 77 ครัวเรือน
ที่ จ.พัทลุง ผู้สื่อข่าวรายงานถึงสถานการณ์ฝนตกหนักนับตั้งแต่วันที่ 17 ธันวาคมที่ผ่านมา โดยเฉพาะพื้นที่ริมเขาบรรทัด ทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมใน 9 อำเภอ ได้แก่ อ.ป่าบอน อ.กงหรา อ.ตะโหมด อ.บางแก้ว อ.เขาชัยสน อ.เมือง อ.ศรีนครินทร์ อ.ปากพะยูน และอ.ควนขนุนว่านายฉัตรชัย อุสาหะ รอง ผวจ.พัทลุง รักษาราชการแทน ผวจ.พัทลุง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัยอย่างเร่วด่วน พร้อมสั่งให้เจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกในเส้นทางสัญจรบนถนนสายเอเชีย ซึ่งเป็นเส้นทางสายหลักลงสู่ภาคใต้ตอนล่าง
ส่วนช่วงกลางดึกที่ผ่านมา น้ำป่าจากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาบรรทัด ไหลมาสมทบกับน้ำฝนที่ตกสะสมใน ต.ตะโหมด อ.กงหรา อ.ป่าบอน ท่วมถนนหลายเส้นทาง ซึ่งบางจุดรถไม่สามารถสัญจรไปมาได้ นอกจากนี้น้ำยังเข้าท่วมถนนเพชรเกษม ทั้งฝั่งขาขึ้นและขาล่อง พัทลุง-หาดใหญ่ โดยจุดที่น้ำท่วมบนถนนพื้นที่บ้านโคกยา คนขับจักรยานยนต์ วัย 30 ปี ได้ถูกกระแสน้ำเชี่ยว พัดเอาจักรยานยนต์จมหายไป แต่คนขับได้รับการช่วยเหลืออย่างปลอดภัย ขณะที่อีกราย ขับจักรยานยนต์ฝ่ากระแสน้ำ ก่อนจะถูกน้ำพัดจนจม โชคดีที่คนขับลอยไปติดต้นไม้จึงปีนขึ้นไปร้องขอความช่วยเหลือ และมีกู้ภัย เข้ามาช่วยเหลือไว้ได้อย่างปลอดภัย
ขณะที่ จ.ปัตตานี ภายหลังฝนตกอย่างหนักติดต่อกัน 2วัน ได้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากท่วมบ้านเรือนประชาชนเป็นวงกว้าง โดยเฉพาะเขตเทศบาลเมืองปัตตานี พื้นที่เศรษฐกิจเสียหายอย่างหนัก มีน้ำท่วมขังถนนในเขตเทศบาล ระดับน้ำสูง 30-40 เซนติเมตร ประชาชนต้องนำกระสอบทรายมากั้นบริเวณหน้าบ้าน เพื่อป้องกันความเสียหายเพิ่มเติม ส่วนเจ้าหน้าที่ได้นำแผงกั้นมาปิดการจราจรชั่วคราว สำหรับโรงเรียนในเขตเทศบาลเมืองปัตตานีได้ปิดการเรียนการสอนชั่วคราว หลังจากได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม
นายนิอันวา สุไลมาน นายกเทศมนตรีเมืองปัตตานี สั่งการให้เจ้าหน้าที่เร่งเข้าช่วยเหลือดูแลประชาชน พร้อมกับเสนอให้เป็นพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วม และได้นำเครื่องสูบน้ำระบายน้ำออกสู่แม่น้ำ ซึ่งระดับน้ำในแม่น้ำปัตตานี ยังคงมีระดับสูงขึ้นต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี ทางจังหวัดได้แจ้งเตือนทั้ง 12 อำเภอให้ระวังน้ำท่วมและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะใน อ.หนองจิก และ อ.ยะหริ่ง ที่มีบ้านเรือนริมทะเลถูกคลื่นลมแรงซัดบ้านเรือนและหลังคาได้รับความเสียหายหลายร้อยหลังขณะนี้ทางอำเภอได้เร่งเข้าให้ความช่วยเหลือ พร้อมอพยพประชาชนไปอาศัยที่โรงเรียนซึ่งจัดสถานที่ให้เป็นจุดอพยพชั่วคราว
ด้าน จ.นราธิวาส ด.ต.รูสลามอาแว นายก อบต.มูโนะ เปิดเผยว่า หลังจากพนังกั้นน้ำที่ริมฝั่งแม่น้ำโก-ลกแตก ทำให้น้ำทะลักเข้าท่วมพื้นที่ 5 หมู่บ้าน มีประชาชนได้รับผลกระทบ 2,850 ครัวเรือน รวม 10,460 คน สำหรับพื้นที่หมู่ 1ต.มูโนะที่เป็นพื้นที่ลุ่มต่ำจุดรับน้ำจากแม่น้ำโก-ลกขณะนี้ประชาชนได้อพยพออกมาเกือบหมดแล้ว ส่วนใหญ่จะไปพักกับญาติ มีเพียง 4 ครัวเรือน รวม 18 คนเท่านั้นที่เข้าพักที่ศูนย์อพยพผู้ประสบภัย ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กนูรุลยาบาล หมู่ 5 ขณะที่ถนนเส้นทางสายหลักสุไหงโก-ลก-มูโนะ รถทุกชนิดไม่สามารถสัญจรได้
ที่ จ.ตรัง สถานการณ์น้ำป่าไหลหลาก ส่งผลกระทบแล้ว 4 อำเภอ ได้แก่ อ.นาโยง อ.ปะเหลียน อ.ห้วยยอด และ อ.ย่านตาขาว มีผู้ได้รับความเดือดร้อนประมาณกว่า 2,000 ครัวเรือน หนักสุดในพื้นที่ 15 หมู่บ้านของ ต.ปะเหลียน อ.ปะเหลียน ซึ่งชาวบ้านส่วนใหญ่ไม่สามารถเก็บข้าวของได้ทันเนื่องจากน้ำป่าหลากมาอย่างรวดเร็วจนต้องหนีเอาชีวิตรอด อย่างไรก็ดี หากฝนไม่ตกเพิ่ม คาดว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย
ขณะเดียวกัน ช่วงกลางดึกที่ผ่านมา ทางกู้ภัยและชุดประดาน้ำ ได้เข้าช่วยเหลืออดีตครู วัย 50 ปี ซึ่งเป็นผู้ป่วยติดเตียง จากบ้านพักในพื้นที่หมู่ 2 ต.แหลมสอม อ.ปะเหลียน โดยต้องใช้เวลากว่า 4 ชั่วโมง ฝ่ามวลน้ำที่ไหลเชี่ยว ระดับน้ำสูงกว่า 2 เมตร ประกอบกับบ้านพักดังกล่าวอยู่ในสวนยางพาราซึ่งเจ้าหน้าที่มีการวางแผนร่วมกับฝ่ายปกครอง เพื่อให้ทราบเส้นทางเข้าออกที่ปลอดภัยที่สุด ก่อนจะช่วยเหลือผู้ป่วยรายนี้ออกมาได้อย่างทุลักทุเลด้วยระยะทางไปกลับประมาณ 2 กิโลเมตร ท่ามกลางความโล่งใจของญาติพี่น้อง
ส่วนที่ จ.สงขลา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงค่ำวันที่ 18 ธันวาคมที่ผ่านมา ได้เกิดน้ำท่วมบริเวณถนนในเขตเทศบาลเมืองคอหงส์ อ.หาดใหญ่ แล้วปรากฏว่ามีถังแก๊สนับร้อยถัง ทั้งขนาดที่ใช้ในครัวเรือนและถังยาวที่ใช้ในร้านอาหารลอยมากับกระแสน้ำที่ท่วมบนถนนท่ามกลางรถยนต์ที่ขับผ่านไปมา โดยถังแก๊สเหล่านี้ลอยมาจากโรงงานอัดแก๊สที่อยู่บริเวณดังกล่าว ทำให้ชาวบ้านที่พบเห็นต่างพากันตื่นตกใจ เพราะเกรงว่าจะเกิดอันตรายขึ้นได้ ซึ่งภายหลังได้มีการประสานให้ทางโรงอัดแก๊สแห่งนี้ จัดพนักงานมาช่วยกันตามเก็บถังแก๊สออกไปจากถนนท่ามกลางสภาพน้ำที่ยังท่วมขัง
ที่มา : แนวหน้า