Editor WP
กรมอุตุฯ ประกาศฉบับ9 ภาคใต้ฝนถล่มหนัก 11จว.โดนเต็มๆ เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน
กรมอุตุฯ ประกาศฉบับที่ 9 เตือน ฝนตกหนักบริเวณภาคใต้และคลื่นลมแรง ฝนตกหนักบางแห่ง เสี่ยงเกิดน้ำท่วมฉับพลัน-น้ำป่าไหลหลาก 11 จังหวัดโดนเต็ม ๆ
วันที่ 23 ม.ค.2566 กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศ เรื่อง ฝนตกหนักบริเวณภาคใต้และคลื่นลมแรงบริเวณอ่าวไทย ฉบับที่ 9 (มีผลกระทบตั้งแต่วันที่ 23-25 มกราคม 2566) ระบุว่า ในช่วงวันที่ 23-25 มกราคม 2566 มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังค่อนข้างแรง
ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนัก และฝนตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน และพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย
จังหวัดที่คาดว่าจะมีฝนตกหนักบางแห่ง มีดังนี้
ช่วงวันที่ 23-25 มกราคม 2566
ภาคใต้ : จังหวัดสุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล
สำหรับคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยมีกำลังค่อนข้างแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ขอให้ประชาชนที่อาศัยบริเวณชายฝั่งภาคใต้ฝั่งตะวันออกระวังอันตรายจากคลื่นที่ซัดเข้าหาฝั่ง ชาวเรือในบริเวณดังกล่าวเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงเดินเรือบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง เรือเล็กบริเวณอ่าวไทยตอนล่างควรงดออกจากฝั่งในช่วงวันดังกล่าว
จึงขอให้ประชาชนติดตามประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยา และสามารถติดตามข้อมูลที่เว็บไซต์กรมอุตุนิยมวิทยา http://www.tmd.go.th หรือที่ 0-2399-4012-13 และ 1182 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งนี้ กรมอุตุนิยมวิทยาจะออกประกาศฉบับต่อไปใน วันที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2566 เวลา 17.00 น.
ที่มา ข่าวสด
ประกาศฉบับที่ 1 กรมอุตุฯเตือนพื้นที่ “ฝนตกหนักถึงหนักมาก ” ช่วง 20-25 ม.ค.นี้
กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศเตือน ฉบับที่ 1 ภาคใต้ฝนตกหนักถึงหนักมากและคลื่นลมแรง ช่วง 20 – 25 ม.ค.นี้ ระวังน้ำท่วมฉับพลัน
19 มกราคม 2566 นางสาวชมภารี ชมภูรัตน์ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ลงนามในประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา ฉบับที่ 1 (22/2566) เรื่อง“ฝนตกหนักถึงหนักมาก” และ “คลื่นลมแรง” บริเวณภาคใต้ ฉบับที่ 1 มีผลกระทบตั้งแต่วันที่ 20 – 25 มกราคม 2566 มีรายละเอียดระบุว่า..
ในช่วงวันที่ 20-25 มกราคม 2566 มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังแรงขึ้น ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน และพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย
จังหวัดที่คาดว่าจะมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง มีดังนี้
วันที่ 20 – 22 มกราคม 2566
- ภาคใต้ : จังหวัดนครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส ตรัง และสตูล
ช่วงวันที่ 23 – 25 มกราคม 2566
- ภาคใต้ : จังหวัดสุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล
- สำหรับคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น โดยอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนบริเวณอ่าวไทยตอนล่างทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ขอให้ประชาชนที่อาศัยบริเวณชายฝั่งภาคใต้ฝั่งตะวันออกระวังอันตรายจากคลื่นที่ซัดเข้าหาฝั่ง ชาวเรือในบริเวณดังกล่าวเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงเดินเรือบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง เรือเล็กบริเวณอ่าวไทยตอนล่างควรงดออกจากฝั่งในช่วงวันดังกล่าว
- กรมอุตุนิยมวิทยา ขอให้ประชาชนติดตามประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยา และสามารถติดตามข้อมูลที่เว็บไซต์กรมอุตุนิยมวิทยา หรือที่ 0-2399-4012-13 และ 1182 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ประกาศ ณ วันที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2566 เวลา 05.00 น.
พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทย 06:00 น. วันนี้ ถึง 06:00 น. วันพรุ่งนี้
ภาคเหนือ
- อากาศเย็นถึงหนาวกับมีหมอกในตอนเช้า และอุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียส
- อุณหภูมิต่ำสุด 13-17 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 27-32 องศาเซลเซียส
- บริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด กับมีน้ำค้างแข็งบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 3-10 องศาเซลเซียส
- ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
- อากาศเย็นถึงหนาวกับมีลมแรง และอุณหภูมิจะลดลงอีก 2-4 องศาเซลเซียส
- อุณหภูมิต่ำสุด 10-16 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 26-30 องศาเซลเซียส
- บริเวณยอดภูอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 7-12 องศาเซลเซียส
- ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
ภาคกลาง
- อากาศเย็นในตอนเช้ากับมีลมแรง และอุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียส
- อุณหภูมิต่ำสุด 17-19 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-32 องศาเซลเซียส
- ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
ภาคตะวันออก
- อากาศเย็นในตอนเช้ากับมีลมแรง และอุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียส
- อุณหภูมิต่ำสุด 17-21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-32 องศาเซลเซียส
- ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.ทะเลมีคลื่น 1-2 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร
ภาคใต้(ฝั่งตะวันตก)
- มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 30 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดพังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล
- อุณหภูมิต่ำสุด 20-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส
- ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 1-2 เมตร
กรุงเทพและปริมณฑล
- อากาศเย็นในตอนเช้ากับมีลมแรง และอุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียส
- อุณหภูมิต่ำสุด 20-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส
- ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
ที่มา : กรมอุตุนิยมวิทยา
ออกประกาศ 19 มกราคม 2566
กรมอุตุฯ เตือน สภาพอากาศวันนี้ ฝนฟ้าคะนอง20จว. ไทยตอนบนยังหนาว
กรมอุตุฯ เตือน สภาพอากาศวันนี้ 20 จังหวัดเจอฝนฟ้าคะนอง ภาคใต้ตกหนักร้อยละ 20 ของพื้นที่ เผย ไทยตอนบนยังมีอากาศเย็นถึงหนาว ระวังอันตราย
วันที่ 13 ม.ค.2565 กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังอ่อนปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ทำให้ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือยังคงมีอากาศเย็นถึงหนาว ประกอบกับมีคลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันตกปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในขณะที่มีลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นเข้ามาปกคลุมภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง
ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนหรือฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้น ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง รวมถึงระวังอันตรายจากอัคคีภัยที่เกิดจากสภาพอากาศแห้งไว้ด้วย
สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังอ่อน ทำให้ภาคใต้ยังคงมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ส่วนบริเวณอ่าวไทยทะเลมีคลื่นสูง ประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง
ฝุ่นละอองในระยะนี้ : ประเทศไทยตอนบนมีการสะสมฝุ่นละออง/หมอกควันอยู่ในเกณฑ์น้อยถึงปานกลาง เนื่องจากมีฝนตกในบริเวณดังกล่าว
พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06.00 น.วันนี้ ถึงเวลา 06.00 น.วันพรุ่งนี้
ภาคเหนือ อากาศเย็นถึงหนาว กับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 13-18 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส บริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 4-12 องศาเซลเซียส ลมตะวันตก ความเร็ว 10-15 กม./ชม.
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อากาศเย็น กับมีหมอกในตอนเช้า โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดยโสธร อำนาจเจริญ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี อุณหภูมิต่ำสุด 16-19 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-33 องศาเซลเซียส บริเวณยอดภูอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 10-15 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.
ภาคกลาง อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า กับมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 20-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตก ความเร็ว 10-20 กม./ชม.
ภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 21-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1-2 เมตร
ภาคใต้(ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 30 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดสงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร
ภาคใต้(ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 30 ของพื้นที่ บริเวณจังหวัดพังงา กระบี่ ตรัง และสตูล อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 1-2 เมตร
กรุงเทพและปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.
ที่มา : กรมอุตุนิยมวิทยา
สภาพอากาศวันนี้! ฝนตกทั่วทุกภาค อีสานเจอฝนตกเยอะสุด กทม.30%ของพื้นที่
กรมอุตุฯ พยากรณ์อากาศลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นเข้ามาปกคลุม ทำให้ไทยมีฝนฟ้าคะนอง อีสานหนักสุด 60% ของพื้นที่
พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังอ่อนปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ทำให้ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือยังคงมีอากาศเย็นถึงหนาว ประกอบกับมีคลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันตกปกคลุมภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในขณะที่มีลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นเข้ามาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนหรือฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้น
ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง รวมถึงระวังอันตรายจากอัคคีภัยที่เกิดจากสภาพอากาศแห้งไว้ด้วย
สำหรับหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมเกาะสุมาตรา ทำให้ภาคใต้ยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้น ส่วนบริเวณอ่าวไทยทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง
พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทย 06:00 น. วันนี้ ถึง 06:00 น. วันพรุ่งนี้
ภาคเหนือ
อากาศเย็นถึงหนาว โดยมีฝนหรือฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20 ของพื้นที่
ส่วนมากบริเวณจังหวัดน่าน อุตรดิตถ์ พิษณุโลก พิจิตร และเพชรบูรณ์
อุณหภูมิต่ำสุด 13-21 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 29-33 องศาเซลเซียส
บริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด
อุณหภูมิต่ำสุด 4-12 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-15 กม./ชม.
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
อากาศเย็น โดยมีฝนหรือฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดเลย หนองคาย บึงกาฬ หนองบัวลำภู อุดรธานี สกลนคร นครพนม ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มุกดาหาร มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ ชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี
อุณหภูมิต่ำสุด 18-21 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 24-28 องศาเซลเซียส
บริเวณยอดภูอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 10-15 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.
ภาคกลาง
มีฝนร้อยละ 20 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครสวรรค์ ลพบุรี สระบุรี
พระนครศรีอยุธยา กาญจนบุรี ราชบุรี และนครปฐม
อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 30-32 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออก ความเร็ว 10-20 กม./ชม.
ภาคตะวันออก
มีฝนหรือฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง
ส่วนมากบริเวณจังหวัดปราจีนบุรี สระแก้ว จันทบุรี และตราด
อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 27-30 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร
บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร
ภาคใต้(ฝั่งตะวันออก)
มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร
สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส
อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 30-32 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
ที่มา :กรมอุตุนิยมวิทยา
เช็กด่วน! สภาพอากาศวันนี้ ฝนถล่ม 40 จังหวัด ภาคใต้หนักสุด กทม.โดนด้วย
กรมอุตุฯ พยากรณ์อากาศวันนี้ ฝนถล่ม 40 จังหวัด ภาคใต้หนักสุด ไทยตอนบนโดนด้วย เหนือ-อีสาน ยังมีอากาศเย็นถึงหนาว
วันนี้ (11 ม.ค.) กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังอ่อนปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ทำให้ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือยังคงมีอากาศเย็นถึงหนาวกับมีหมอกในตอนเช้า ประกอบกับมีคลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันตกเคลื่อนผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ในขณะที่มีลมตะวันออกพัดนำความชื้นเข้ามาปกคลุมประเทศไทยตอนบน
ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้น ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง รวมถึงระวังอันตรายจากอัคคีภัยที่เกิดจากสภาพอากาศแห้งไว้ด้วย
สำหรับหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณอ่าวไทยตอนล่าง ทำให้ภาคใต้ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนบริเวณอ่าวไทยทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง
ฝุ่นละอองในระยะนี้ : ประเทศไทยตอนบนมีการสะสมฝุ่นละออง/หมอกควันอยู่ในเกณฑ์น้อยถึงปานกลาง เนื่องจากมีฝนตกในบริเวณดังกล่าว
พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 07.00 น. วันนี้ ถึงเวลา 07.00 น. วันพรุ่งนี้
ภาคเหนือ – อากาศเย็นถึงหนาว กับมีหมอกในตอนเช้า โดยมีฝนร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดน่าน อุตรดิตถ์ พิษณุโลก และเพชรบูรณ์ อุณหภูมิต่ำสุด 13-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-32 องศาเซลเซียส บริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 4-12 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ – อากาศเย็น โดยมีฝนร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดหนองคาย บึงกาฬ อุดรธานี สกลนคร นครพนม ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มุกดาหาร มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี อุณหภูมิต่ำสุด 18-21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 25-28 องศาเซลเซียส บริเวณยอดภูอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 10-15 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ภาคกลาง – มีฝนร้อยละ 30 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดลพบุรี สระบุรี พระนครศรีอยุธยา กาญจนบุรี ราชบุรี นครปฐม สมุทรสาคร และสมุทรสงคราม อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-31 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ภาคตะวันออก – มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนมากบริเวณจังหวัดสระแก้ว จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 26-28 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) – มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-32 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) – มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 30 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดระนอง พังงา และกระบี่ อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 1-2 เมตร
กรุงเทพและปริมณฑล – มีฝนร้อยละ 30 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-31 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ที่มา: Sanook.com
พยากรณ์อากาศ” ไทยตอนบน อุณหภูมิสูงขึ้น 1-2 องศาฯ เหนือ ต่ำสุด 12 องศาฯ ยอดดอย หนาวจัด ขณะที่ ภาคใต้ เจอ ฝนตกหนักถึงหนักมาก
สภาพอากาศวันนี้! อุณหภูมิสูงขึ้น 1-2 องศา อีสานฝนบางแห่ง ใต้ตอนล่างอ่วมฝน
เมื่อวันที่ 8 ม.ค. นส.ชมภารี ชมภูรัตน์ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา เตือน ‘ฝนตกหนักบริเวณภาคใต้ และคลื่นลมแรงบริเวณอ่าวไทย’ ฉบับที่ 9 (มีผลกระทบถึงวันที่ 8 มกราคม 2566) ระบุว่า มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังแรง ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณทะเลจีนใต้ตอนล่าง และมีแนวโน้มจะเคลื่อนเข้าใกล้บริเวณปลายแหลมญวน ทำให้ภาคใต้ตอนล่างมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ และหนักมากบางแห่งบริเวณ จังหวัดสุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส สำหรับคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยยังคงมีกำลังแรง โดยมีคลื่นสูง 2-4 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 4 เมตร
ขอให้ประชาชนบริเวณภาคใต้ตอนล่างระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย ชาวเรือควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง ส่วนเรือเล็กบริเวณอ่าวไทยควรงดออกจากฝั่งต่อไปอีก 1 วัน รวมทั้งระวังอันตรายจากคลื่น คลื่นลมแรงที่ซัดเข้าหาซึ่งไว้ด้วย
จึงขอให้ประชาชนติดตามประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยา และสามารถติดตามข้อมูลที่เว็บไซต์กรมอุตุนิยมวิทยา http://www.tmd.go.th หรือที่ 0-2399-4012-13 และ 1182 ได้ตลอด 24 ชั่ว ชั่วโมง
ผู้สื่อข่าวรายงานจากจ.นราธิวาสว่า บรรยากาศในพื้นที่ตั้งแต่วันที่ 7-8 ม.ค. มีฝนตกหนักต่อเนื่อง กระจายเต็มทุกพื้นที่ ทำให้พื้นที่ราบลุ่มบางแห่งที่น้ำท่วมขัง ขณะเดียวกัน ในเขตเทศบาลเมืองนราธิวาสมีน้ำท่วมขังเนื่องจากท่อระบายน้ำไม่ทัน ถนนสายหลัก สายรอง บ้านเรือน ร้านค้า ที่อยู่ในพื้นที่ต่ำก็จะมีน้ำท่วมขัง เป็นระยะเวลาสั้นๆ โดยประชาชนส่วนใหญ่กังวลว่าจะมีน้ำท่วมอีกระลอกหากฝนยังคงตกติดกันในลักษณะนี้
ที่มา : กรมอุตุนิยมวิทยา